คอลลาเจน โปรตีนเปปไทด์ ที่ไม่ได้มีดีเพียงแค่ ผิวหนัง ความงาม และความเยาว์วัย
- KaowMhing ProfitTrade
- Feb 16, 2021
- 2 min read

หากวันนี้จะนั่งคุยกันเรื่อง คอลลาเจน สำหรับคุณผู้ชาย และคุณผู้หญิงหลายคนจะต้องนึกถึงเรื่องความขาวกระจ่างใสความอ่อนเยาว์ของผิวพรรณมาก่อนเป็นอันดับต้นๆ
คอลลาเจนยังเป็นหนึ่งในส่วนผสมของเครื่องสำอาง เครื่องดื่ม อาหารเสริม ฯลฯ น้อยคนนัก ที่จะรู้ว่าคอลลาเจน ไม่ได้มีดีเพียงแค่เรื่องของผิวพรรณ แต่ยังมีความพิเศษและประโยชน์อีกมากมายที่ซ่อนอยู่
คอลลาเจน ไม่ได้มีดีเพียงแค่เรื่องผิวพรรณ แต่ยังถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์ นอกจากประโยชน์ด้านการบำรุงและชะลอความเสื่อมของผิวหนังแล้ว เส้นใยโปรตีนชนิดนี้ยังมีประโยชน์อีกมากมายที่หลายคนอาจจะยังคาดไม่ถึง

นั่นคือ มีการนำคอลลาเจนมาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ เพื่อรักษาโรคที่เกี่ยวกับข้อต่อกระดูก อาการเจ็บหลังการผ่าตัด ลดอาการปวดและความเสื่อมภายใน คอลลาเจนพบมากในเนื้อเยื่อกระดูกและข้อต่อของร่างกาย
มีงานวิจัยยืนยันว่าคอลลาเจนถูกดูดซึมผ่านลำไส้และไปสะสมในกระดูกอ่อนได้ มีกลไกการทำงานที่ช่วยให้ผู้ที่ป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับข้อต่อ เช่น ข้อเสื่อม เข่าเสื่อม และโรคเกี่ยวข้อกระดูกมีอาการดีขึ้น
นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาอาการเจ็บในผู้ที่ไม่ได้มีโรคข้อหรือกระดูก เช่น อาการปวดข้อหลังผ่าตัด ปวดหลังและปวดคอ
คอลลาเจนคืออะไร?
คอลลาเจน ( Collagen ) คือ เส้นใยโปรตีนชนิดหนึ่ง และเป็นโปรตีนที่มีมากที่สุดในร่างกายของเรา โดยคิดเป็น 1 ใน3 ของโปรตีนทั่วร่างกายเป็นองค์ประกอบหลักของผิวหนัง ผม เล็บ กระดูก ข้อต่อ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น นอกจากนั้นยังพบคอลลาเจนได้ในส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เช่น หลอดเลือด กระจกตา และฟัน เป็นต้น
ซึ่งร่างกายมนุษย์ทุกคนสามารถสร้างขึ้นเองได้ตามธรรมชาติ ทําหน้าที่เพิ่มความแข็งแรงและเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่อวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย
คำว่า Collagen มาจากคำภาษากรีกว่า “kólla” ซึ่งแปลว่า “กาว” ดังนั้น คอลลาเจนจึงมีคุณสมบัติในการยึดเกาะสิ่งต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันคล้ายกาว
ร่างกายของคนเราสามารถผลิตคอลลาเจนได้เอง ขณะที่เราอายุยังน้อย และจะลดปริมาณการผลิตคอลลาเจนลงเมื่ออายุมากขึ้น ผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนลดลงและเส้นใยคอลลาเจนจะอ่อนแอลง
สัญญาณอย่างหนึ่งที่มองเห็นได้คือ ผิวของคุณจะไม่เต่งตึง ความยืดหยุ่นอ่อนนุ่มลดน้อยลง มีอาการปวดตามข้อต่อ
เพราะกระดูกอ่อน อ่อนแอลง ตามช่วงวัยของอายุ การสังเคราะห์เส้นใยโปรตีนชนิดนี้จะลดลงถึงปีละ 1-2 เปอร์เซ็นต์

เรียกได้ว่าร่างกายมนุษย์ผลิตคอลลาเจนน้อยลงตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น และเมื่อร่างกายมีไม่เพียงพอก็เป็นสาเหตุให้ผิวหนังเหี่ยวย่น มีริ้วรอย ขาดความยืดหยุ่น และบริเวณข้อต่อก็เริ่มไม่แข็งแรง
นี่จึงเป็นสาเหตุที่คุณผู้หญิงหลายคน ที่รักในการดูแลตัวเอง หันมาดูแลเจ้าเส้นใยโปรตีนสำคัญชนิดนี้มากยิ่งขึ้น ทั้งดูแลของเดิมที่มีอยู่และเติมเต็มไม่ให้ขาดหายไปเมื่ออายุเริ่มมากขึ้น

คอลลาเจนเปปไทด์ ( Collagen peptides ) คือ โปรตีนที่พบมากในร่างกายมนุษย์เป็นกรดอะมิโนสายสั้นที่เป็นส่วนประกอบของคอลลาเจนประกอบด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็น 8 ใน 9 ชนิด
โดยนำคอลลาเจนที่มีโมเลกุลขนาดใหม่มาผ่านกระบวนการไฮโดรไลซ์ ( Hydrolysis ) หรือปฏิกิริยาที่มีน้ำเข้าไปสลายพันธะทำให้สารโมเลกุลใหญ่ แตกตัวเป็นสารที่มีโมเลกุลเล็กลงทำให้ร่างกายดูดซึมได้ง่ายขึ้น
เนื่องจากร่างกายต้องใช้เพื่อสร้างเนื้อเยื่อ ผิวหนัง กระดูก กระดูกอ่อน ข้อต่อ และหลอดเลือด คอลลาเจนเปปไทด์มีโปรตีนมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ประกอบด้วยกรดอะมิโน 3 ชนิด ได้แก่ ไกลซีน ( glycine ) ไฮดรอกซีโพรลีน ( hydroxyproline ) และโพรลีน ( proline )
ประเภทคอลลาเจนที่พบบ่อยที่สุด
นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าคอลลาเจนมีหลายชนิด แตกต่างกันไปตามหน้าที่ในร่างกาย และคอลลาเจนมีทั้งหมด 28 ชนิด มีความแตกต่างกันไปตามชนิดและรูปแบบของกรดอะมิโนที่ประกอบขึ้น
คอลลาเจนที่พบบ่อยที่สุดในอาหารเสริมจะเป็นประเภท Collagen Type1 Collagen Type2 Collagen Type3
จากการศึกษาพบว่า Collagen Type 1 มีคุณสมบัติในการต่อต้านริ้วรอยมากที่สุดในบรรดาคอลลาเจนประเภทต่าง ๆโปรตีนเส้นใยนี้ช่วยลดเลือน ริ้วรอยได้ดีที่สุดและช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนัง
1. คอลลาเจนชนิดที่ 1 ( Collagen Type 1 ) เป็นคอลลาเจนที่พบมากที่สุดถึง 90 เปอร์เซ็นต์ในร่างกาย เส้นใยคอลลาเจนเป็นองค์ประกอบโครงสร้างที่สำคัญของเนื้อเยื่อหลายส่วน ในร่างกาย สามารถพบได้ในผิวหนัง กระดูก เนื้อเยื่อและผนังหลอดเลือด
2. คอลลาเจนชนิดที่ 2 ( Collagen Type 2 ) เป็นคอลลาเจนที่สำคัญกับกระดูก กระดูกอ่อน ข้อต่อ ซึ่งโปรตีนชนิดนี้พบในกระดูกอ่อนประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าคอลลาเจนชนิดที่ 1 ช่วยสร้างกระดูกอ่อนขึ้นมาใหม่ช่วยลดการอักเสบ บรรเทาอาการปวดข้อและกล้ามเนื้อในผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อม โรคไขข้ออักเสบ
3. คอลลาเจนชนิดที่ 3 ( Collagen Type 3 ) เป็นคอลลาเจนที่สำคัญต่อโครงสร้างของกล้ามเนื้อ อวัยวะ และหลอดเลือดเนื่องจากคอลลาเจน Type 3 พบมากที่สุดในกล้ามเนื้อมักใช้คอลลาเจนชนิดที่ 3 ช่วยในการสร้างมวลกล้ามเนื้อ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการบาดเจ็บขณะออกกำลังกาย ช่วยในการสังเคราะห์เกล็ดเลือดจึงมีความสำคัญต่อกระบวนการแข็งตัวของเลือด

โดยที่คอลลาเจนในร่างกายได้มาจาก ร่างกายสร้างเอง และได้รับจากอาหาร เช่นปลาทะเลน้ำลึก และถั่วเหลือง

ปัจจัยที่ทำให้คอลลาเจนเสื่อมสภาพ
กิจวัตรประจำวัน และพฤติกรรม ที่จะทำลายคอลลาเจน และคุณ ควรหลีกเลี่ยงมีดังนี้
1. การสูบบุหรี่ทำให้การสร้างคอลลาเจนลดลง แผลหายช้าลง และทำให้เกิดริ้วรอย
2. เมื่อคุณอายุมากขึ้น ร่างกายของคุณ สามารถผลิตคอลลาเจนได้เอง ขณะที่คุณอายุยังน้อย และจะลดปริมาณการผลิตคอลลาเจนลง เมื่อคุณอายุมากขึ้น สำหรับผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนลดลงและเส้นใยคอลลาเจนจะอ่อนแอลง
3. ผู้ที่มีความเครียด และผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ เมื่อคุณเกิดอาการเครียด หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ จากสาเหตุนานัปการที่ส่งผลให้คุณมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนบางอย่างออกมา เพื่อไปยับยั้ง หรือทำลายกระบวนการสร้างคอลลาเจนให้ลดน้อยลง
4. รับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ ด้วยกิจวัตรประจำวันที่เร่งรีบ จากสภาวะเศรษฐกิจ และสภาพสังคม ที่ทำให้คุณ ไม่สามารถทานอาหารได้ครบ 5 หมู่ สารอาหารเหล่านี้ จะเป็นส่วนช่วยในการผลิตคอลลาเจน เพ่อให้ร่างกายนำไปใช้งาน ในปริมาณที่ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
5. การที่คุณได้รับรังสี UV จากแสงแดดมากเกินไป รังสีอัลตราไวโอเลตเป็นตัวการสำคัญ ที่ทำลายและลดการสร้างคอลลาเจน ควรหลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดมากเกินไป และป้องกันผิวด้วยการทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
6. การรับประทานน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสีมากเกินไป น้ำตาลขัดขวางความสามารถของคอลลาเจนในการซ่อมแซมตัวเอง ควรลดการบริโภคน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสีให้น้อยที่สุด
7. พันธุกรรม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการกำหนดปริมาณคอลลาเจนในร่างกายของแต่ละคน

คุณประโยชน์ของคอลลาเจน
คอลลาเจน สามารถทำให้โปรตีนขนาดใหญ่แตกตัว เป็นเปปไทด์ซึ่งร่างกายดูดซึมได้ง่าย ช่วยบำรุ่งร่างกาย เหมาะกับคนวัยทำงาน และผู้สูงอายุ
มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจนที่น่าสนใจ การศึกษาหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าการเสริมคอลลาเจนอาจช่วยดูแลสุขภาพของผิวหนัง การทำงานของกล้ามเนื้อ และลดความเจ็บปวดที่เกี่ยวข้องกับโรคข้อเข่าเสื่อมได้ แต่ที่เราคุ้นเคยกันมากที่สุดคือ ประโยชน์ของคอลลาเจนต่อสุขภาพผิว
จากงานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ประเทศจีน โดยทดลองให้ผู้หญิง 62 คนที่มีภาวะฝ้าที่ใบหน้า รับประทานผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วย คอลลาเจนเปปไทด์ เปปไทด์จากถั่วเหลือง และสารสกัดจากดอกเก๊กฮวย 10 กรัมทุกวันเป็นเวลา 60 วันพบว่ารอยดำที่ฝ้าจางลง เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับประทานผลิตภัณฑ์
จากกรณี การศึกษาหนึ่ง ผู้หญิงที่รับประทานคอลลาเจน 2.5–5 กรัมต่อวัน เป็นเวลา 8 สัปดาห์ พบว่าผิวแห้งน้อยลง และความยืดหยุ่นของผิวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับประทานคอลลาเจน
กรณีการศึกษาอื่น ผู้หญิงที่ดื่มเครื่องดื่มผสมกับคอลลาเจนทุกวัน เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าผิวมีความชุ่มชื้นเพิ่มขึ้นและความลึกของริ้วรอยลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม
ผลการลดริ้วรอยของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจน เป็นผลมาจากความสามารถในการกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนด้วยตัวเอง นอกจากนี้ การเสริมคอลลาเจน อาจส่งเสริมการผลิตโปรตีนอื่นๆ ที่ช่วยเสริมโครงสร้างผิวรวมทั้งอีลาสตินและไฟบริลลิน
การรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีคอลลาเจน อาจช่วยชะลอความแก่ของผิวได้ อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องมีหลักฐานที่ชัดเจนยิ่งขึ้นจากการศึกษาเพื่อตรวจสอบผลของคอลลาเจนในตัวมันเอง


ทานคอลลาเจนอย่างไรให้ได้ประโยชน์
1. ทานคอลลาเจนตอนท้องว่าง แล้วดื่มน้ำตามมาก ๆ จะทำให้ได้รับประโยชน์จากคอลลาเจนมากที่สุด
2. ทานคอลลาเจนที่มีส่วนผสมของวิตามินซี หรือทานร่วมกับวิตามินซี จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของคอลลาเจน และทำให้ร่างกายดูดซึมได้ดีขึ้น
3. เลือกทานคอลลาเจนที่มีขนาดเล็ก เช่น คอลลาเจนเปปไทด์ ( Collagen Peptide ) เพราะสามารถดูดซึมเข้าร่างกายได้เร็วและมีประสิทธิภาพ
แหล่งอาหารที่ช่วยเพิ่มคอลลาเจน
โดยทั่วไปเราสามารถพบคอลลาเจนได้ในอาหารจำพวกปลาทะเล เนื้อสัตว์ต่าง ๆ ถั่วหลากสี ผักใบเขียว เห็ดต่าง ๆผักผลไม่สีแดงส้ม เช่น
1. ถั่วเหลือง ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองทุกชนิด รวมถึงชีสทุกประเภทนั้นก็จะมีเจนิสติน ( genistein ) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อ ไอโซฟลาโวน โดยมีส่วนเร่งกระบวนการผลิตคอลลาเจน ช่วยในการยกกระชับผิวพรรณให้เกิดความเต่งตึง และยังช่วยบล็อกเอนไซม์ชนิดไม่ดีที่จะเข้ามาทำร้ายผิวให้หย่อนคล้อยจนมีรอยตีนกาได้
2. วิตามินซี มีผักผลไม้หลายชนิดที่ให้วิตามินซี ไม่ว่าจะเป็นมะขามป้อม ฝรั่ง มะนาว ส้มหรือผลไม้ตระกูลเบอร์รี ผักต่างๆ ก็ได้แก่ พริกหยวก ผักหวาน ดอกแค และมะเขือเทศ เป็นต้น อาหารเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและยังช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวให้แข็งแรงได้ด้วย
3. กรดไขมันโอเมก้า-3 อีกหนึ่งแหล่งที่จะช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนจากธรรมชาติได้เป็นอย่างดี เพราะกรดไขมันโอเมก้า-3 นี้จะเข้าไปช่วยเติมเต็มร่องลึกของเซลล์ผิวที่ได้รับความเสียหายจากอนุมูลอิสระหรือปัจจัยอื่นๆ สามารถทานอาหารที่ให้กรดไขมันชนิดนี้ได้จากปลาแซลมอน ทูน่า อะโวคาโด และอัลมอนด์ เป็นต้น
4. ดาร์กช็อกโกแลต เนื่องจากมีผลงานวิจัยจากทางเยอรมนีให้การยืนยันแล้วว่า การกินดาร์กช็อกโกแลตนั้นไม่มีผลกระทบใดต่อผิว แต่ยังสามารถช่วยบำรุงสุขภาพผิวได้เป็นอย่างดี เพราะดาร์กช็อกโกแลตอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระสูง นับว่าเพียงพอทีเดียวต่อการเสริมสร้างคอลลาเจน จึงทำให้ผิวพรรณกระชับยืดหยุ่น นุ่ม ชุ่มชื้น และช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัยได้ด้วย
5. ผักใบเขียว ผักใบเขียวแทบทุกชนิด เรียกว่ายิ่งเขียวเข้มมากเท่าไร ยิ่งดีมากเท่านั้น โดยเฉพาะคะน้า ผักโขม ผักกาดหอม ปวยเล้งและหน่อไม้ฝรั่ง เป็นต้น เนื่องจากผักสีเขียวขึ้นชื่อว่าช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยเพราะสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า ลูทีน ( lutein )
6. โปรตีนที่เป็นเนื้อสีขาว เช่น เนื้อไก่ เนื้อปลา ซึ่งนำมาประกอบอาหารจำพวก ต้มยำไก่ ซุปเปอร์ขาไก่ ทำให้วิตามินซีดูดซึมคอลลาเจนได้ดี หรืออาหารประเภท ชุปกระดูก ปลาต่างๆ
แต่ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่รับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ กินอาหารไม่ค่อยดี และรู้ตัวว่าในแต่ละวันได้รับคอลลาเจนน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการแน่ๆ คงต้องหาตัวช่วยอย่าง "อาหารเสริมคอลลาเจน" มารับประทาน เพื่อทดแทนปริมาณสารอาหาร หรือคอลลาเจนที่ขาดหายไปในแต่ละวันของคุณ


สารอาหารที่ช่วยเพิ่มคอลลาเจนในร่างกาย
คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่มีความพิเศษเพราะมีกรดอะมิโน 3 ชนิดที่พบได้น้อยในอาหารอื่นๆ ได้แก่
ไกลซีน (Glycine)
โพรลีน (Proline)
ไฮดรอกซีโพรลีน (Hydroxyproline) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนพิเศษที่สร้างจากโพรลีนและไลซีน
เมื่อรับประทานคอลลาเจนเปปไทด์ ร่างกายจะย่อยมันเป็นกรดอะมิโนเพื่อให้สามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและเดินทางไปทั่วร่างกาย จนไปถึงเซลล์ไฟโบรบลาสท์ (fibroblast) ซึ่งจะใช้กรดอะมิโนเหล่านั้นในการสร้างโปรตีนคอลลาเจนขึ้นมาใหม่
ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่การรับประทานคอลลาเจนทุกวันจะช่วยให้ผิวยืดหยุ่น ชุ่มชื้นขึ้น และลดริ้วรอยที่มองเห็นได้ หรือแม้กระทั่งช่วยลดอาการปวดข้อที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมในนักกีฬา
เราสามารถช่วยให้ร่างกายผลิตโปรตีนที่สำคัญนี้ได้โดยการรับประทานสารอาหารดังต่อไปนี้
วิตามินซี พบมากในผลไม้รสเปรี้ยว พริกหวาน และสตรอเบอร์รี
โพรลีน พบมากในไข่ขาว จมูกข้าวสาลี ผลิตภัณฑ์จากนม กะหล่ำปลี หน่อไม้ฝรั่ง และเห็ด
ไกลซีน พบมากในหนังหมู หนังไก่ และเจลาติน หรืออาหารที่มีโปรตีนสูงต่างๆ
ทองแดง พบมากในเนื้อสัตว์ เมล็ดงา ผงโกโก้ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และถั่วเลนทิล
นอกจากนี้ ร่างกายของเรายังต้องการโปรตีนคุณภาพสูง ที่มีกรดอะมิโนที่จำเป็นในการสร้างโปรตีนใหม่ เช่น โปรตีนจากพืชซึ่งเป็นแหล่งของกรดอะมิโนชั้นยอด
ภายใต้ชั้นผิวหนังของคุณ ประกอบด้วย
คอลลาเจนและอีลาสติน ที่ทำงานร่วมกันช่วยเพิ่มความแข็งแรง ทำให้ผิวเรียบเนียน ยืดหยุ่นกระชับ และ กรดไฮยาลูโรนิก มีหน้าที่กักเก็บน้ำในผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น

ส่วนผสมที่มักพบในผลิตภัณฑ์คอลลาเจน
คอลลาเจน คอมเพล็กซ์ ประกอบด้วย คอลลาเจนเปปไทด์จากปลาทะเล
เปปไทด์จากถั่วเหลือง และสารสกัดจากดอกเก๊กฮวยขาว
มีคุณสมบัติที่ส่งเสริมการทำงานของกันและกันในการเพิ่มการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย
1. คอลลาเจนเปปไทด์จากปลาทะเล มีกรดอะมิโน ไกลซีน โพรลีน และไฮดรอกซีโพรลีน ที่สามารถดูดซึมนำไปสร้างเป็นคอลลาเจนภายในร่างกายได้ดี และยังมีคุณสมบัติเพิ่มการสร้างกรดไฮยาลูรอนิกที่ช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นในผิว
2. เปปไทด์จากถั่วเหลือง มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ยอดเยี่ยมโดยธรรมชาติ และยังมีงานวิจัยพบว่าเปปไทด์จากถั่วเหลืองมีส่วนช่วยเพิ่มการสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 1 ซึ่งพบมากที่ผิวหนัง
3. สารสกัดจากดอกเก๊กฮวยขาว เป็นสมุนไพรจีนที่มีการใช้เพื่อบำรุงสุขภาพกันมาอย่างยาวนาน ทั้งการใช้บำรุงตับสายตา และผิวพรรณ เนื่องจากฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระที่สูงมาก และเมื่อนำมาใช้ร่วมกับคอลลาเจนเปปไทด์กลับให้ผลในการลดการสร้างเม็ดสีผิวได้
ตัวช่วยฟื้นฟูผิวที่ต่างกัน แต่ทำงานเสริมกันและกัน
ไฟโตอินฟิวส์ สารสกัดวูล์ฟเบอรี่ เมล็ดองุ่น และเชอโรกีโรสฮิป และไฟโตเซราไมด์ เซราไมด์จากข้าวสาลี เปรียบเหมือนเราเพิ่มคนงานและเครื่องจักรให้สร้างคอลลาเจนได้มากขึ้น และช่วยเป็นเกราะป้องกันผิวจากภายนอก
คอลลาเจนคอมเพล็กซ์ คอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึก และถั่วเหลือง และสารสกัดจากดอกเก๊กฮวยขาวเปรียบเหมือนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตคอลลาเจนในร่างกายช่วยปรับเม็ดสีผิวและช่วยให้ผิวยืดหยุ่น
Comments